เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑๗ ม.ค. ๒๕๔๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๔๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดสันติธรรมาราม ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

เวลาคนเกิดมานะ เราเกิดมา เราไม่รู้อะไรเลย ทุกคนเกิดมาตามแต่อำนาจของกรรม กรรมพาให้สัตว์ทุกชีวิตที่เกิดมีกรรมเป็นของตัวเอง มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งที่อาศัย การกระทำนี้เป็นกรรมไง กรรมคือการกระทำ ทำดีเกิดดี ทำชั่วเกิดชั่ว สิ่งที่ทำดีทำชั่ว ทุกดวงใจเคยกระทำมา เพราะสติเราไม่พอ หนึ่ง เพราะกิเลสในหัวใจ เพราะความไม่พบพระพุทธศาสนา เราจะทำตามความเห็นของเรา เราคิดว่าสิ่งที่กระทำนี้ดีที่สุด แล้วเหตุการณ์บีบบังคับนะ บางคนนะ เหตุการณ์มันบีบบังคับ นี่กรรมสร้างมาอย่างนั้น แล้วเราจะมีความอดทนขนาดไหนที่จะเบี่ยงเบนสิ่งทีบีบบังคับ

ในสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า ที่สร้างสมบารมีมา เป็นเตมีย์ใบ้ เห็นไหม เป็นเตมีย์ใบ้เป็นอะไร พยายามสร้าง นี่สร้างกรรมไง จะต้องมีอุปสรรค จะต้องมีการขัดขวางมาตลอด แล้วเวลาสร้างบุญกุศลมาเพื่อจะตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระเทวทัตก็สร้างบุญมา สร้างมาเพื่อจะเป็นคู่ไง เป็นคู่เพื่อจะมาผจญกัน เพราะมีกรรมไม่พอใจความผูกพันอันนั้นมา

นี่การเกิดและการตายมันถึงเวียนไปตามอำนาจอย่างนั้น จะมีศาสนา จะไม่มีศาสนา จะไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ อันนี้เป็นเรื่องของเขา เรื่องของจิตมันเป็นไปตามอำนาจของจิต มันต้องเกิดต้องตาย ต้องเกิดต้องตายตามอำนาจของเขาไป ถ้าเราเผลอ เราไม่สนใจเรื่องอย่างนี้ เราก็จะไม่มีโอกาสไง

การสร้างโอกาส องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมมาเพื่อจะรื้อสัตว์ขนสัตว์นะ แต่เวลาตรัสรู้แล้วขึ้นมา “จะสอนใครได้หนอ ใครจะรู้สิ่งนี้ได้หนอ” มันเป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้ง ละเอียดลึกซึ้งจนไม่สามารถจะสั่งสอนใครได้ แต่ในเมื่อตั้งปณิธานมา ตั้งเจตนามาเพื่อจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ไง เพื่อจะรื้อตัวเองก่อนนะ จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ต้องรื้อตัวเองให้ได้ก่อน ถ้าตัวเองรื้อตัวเองได้ก่อน มันจะมีสิ่งที่จะไปรื้อสัตว์ขนสัตว์

ตัวเองก็มืดบอด สิ่งที่มืดบอด ตัวเราเองก็ไม่รู้ แล้วจะไปสอนใคร ถ้าตัวเองตาสว่าง เห็นไหม เราถึงว่าเราเกิดมาพบพระพุทธศาสนานี้ เรามีบุญกุศลมาก บุญกุศลนะ เราดูอย่างโลกสิ ดูที่เขาเจอฟอสซิลที่ลำปาง ๑๓ ล้านปี ๑๓ ล้านปีนี่โลกมันเวียนไปตามอำนาจอย่างนั้น แล้ว ๕,๐๐๐ ปี มันชั่วแป๊บเดียว แต่เวลาเราเกิดมาเป็นมนุษย์ ว่าศาสนานี้ ๕,๐๐๐ ปี เรายังมีโอกาสมาก เรายังมีโอกาสมาก

ในชีวิตเรานี่ ๑๐๐ ปี ๑๐๐ ปีเศษๆ เวลาเป็นไปแบบนั้น ไอ้อย่างที่ว่าโลกเป็นมา สิบสามล้านปี มันก็หมุนเวียนมาอย่างนั้น โลกนี้มันเป็นไปตามสภาวะแบบนั้น ๕,๐๐๐ ปีหรือช่วงของศาสนานี้ไม่ยาวไกลเลย แต่ถ้าเราเกิดมาพบ มันถึงเป็นอำนาจวาสนาไง ๕,๐๐๐ ปี กับ ๑๓ ล้านปี ฟังดูสิ มันถึงการเกิดพบพระพุทธศาสนานี้เป็นบุญกุศลอย่างมาก บุญกุศลอย่างมาก แล้วเราจะสนใจไหม ถ้าเราสนใจนะ เราจะแก้ไขได้

ชีวิตของเรา จิตของเรา ความรู้สึกของเรานี่แก้ไขได้ ต้นไม้มันเกิดเป็นอะไร มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นตลอดไปจนกว่ามันจะตาย สุดท้ายเดี๋ยวนี้วิทยาศาสตร์เขาเจริญ เขาก็มีการทาบกิ่ง เขามีการเปลี่ยนแปลงมัน แต่เปลี่ยนแปลง ต้นของมันก็คือต้นรากเหง้าของมัน แต่ทาบกิ่งนั้นไปก็เพื่อประโยชน์ของคนที่ฉลาด แต่หัวใจเรา ถ้ามันมีความติดปกป้องของกิเลสมันควบคุมอยู่ เราจะสามารถแก้ไขของเราได้

เกิดมืดไปสว่าง แล้วเกิดสว่างแล้วไปมืดนี่น่าเศร้าใจมาก เกิดมามีกุศลพาเกิด แต่เราไปมืดไง เราไม่สนใจสมบัติของเราเลย เราไม่เคยทำคุณงามความดีให้กับใจของเราเลย โลกเขาจะมีความสิ่งล่อลวงนะ รูป รส กลิ่น เสียง ทุกคนติดหมด บางคนว่านะ ไม่ติดสิ่งใดเลย ติดผัสสะเท่านั้น ติดการสัมผัสเท่านั้น นี่ความติดของใจ มันมีติดไป มันมีความพอใจอย่างนั้น โลกมันเป็นเครื่องล่ออย่างนั้น แล้วเราก็อยู่ในโลกนะ ชีวิตเรา ๑๐๐ ปี เกิดมาแล้วดำรงชีวิตไป แล้วเราก็ต้องตายไป สิ่งที่ตายไป เราได้อะไรไปบ้าง

เวลาเกิดมานี่กรรมดีพาเกิด เวลาตายไปมีกรรมดีพาไปไหม ถ้ามีกรรมดีพาไป เรายังต้องตายก็ต้องเกิด เราก็อาศัยกรรมดีพาเกิดพาตายไปในโลกของเขา โลกของโลกเป็นแบบนั้น โลกสิ่งที่เป็นวัฏฏะเป็นอย่างนั้น แต่จิตที่ไปสัมผัส ไปตกในที่ใดล่ะ ตกในสวรรค์มันก็มีความสุขส่วนหนึ่ง สุขนะ มีความสุขส่วนหนึ่ง แล้วเราสร้างบุญกุศลขึ้นไป แล้วมันก็ต้องหมดวาระของมันไปโดยธรรมชาติของมัน โลกนี้เป็นอนิจจัง เราถึงว่า ถ้าเราจะทำให้ถึงที่สุดได้ เราต้องย้อนกลับมาที่เราไง มันแก้ไขได้ที่นี่ แก้ไขได้ด้วยที่เหตุ เหตุตัวที่จะไปเวียนตายเวียนเกิดคือความรู้สึก คือหัวใจ

เวลาทุกข์ ร่างกายมันหิว สิ่งที่มันขาดแคลนสิ่งใด เราอาศัยสิ่งนั้น เราเติมสิ่งนั้นไป มันก็เต็ม มันก็พอใจของมัน แต่หัวใจไม่เคยพอนะ ถ้าเคยพอ คนที่ร่ำรวยมหาศาลเขาจะต้องพอใจของเขาว่าเขาควรหยุดได้ เขาพอได้ เขาเป็นไปไม่ได้ มันต้องสืบต่อไปตลอด ต้องรักษาสถานะออกไปตลอด นี่ตัณหาล้นฝั่ง สิ่งที่มันเป็นกิเลส มันจะล้นฝั่งของใจไปตลอด เพียงแต่ความดำรงอยู่ไง

เขาว่าการทำบุญในศาสนาพุทธมีบุญกุศลมาก ทำไมเวลาเศรษฐีมหาเศรษฐีของโลกไม่เป็นชาวพุทธล่ะ

นี่เวลาคิด คิดกันอย่างนั้นนะ ว่าเศรษฐี ถ้าทำเราบุญมาก ศาสนาพุทธนี้ประเสริฐที่สุด ศาสนาพุทธนั้นดีที่สุด คนที่เป็นอันดับหนึ่งของโลกต้องเป็นชาวพุทธทั้งหมดสิ ทำไมเป็นศาสนาอื่นล่ะ

นี่เป็นชาวพุทธทั้งหมด ถ้าเป็นชาวพุทธ เห็นไหม ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต ถ้าใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงธรรมเสียก่อน สิ่งนั้นถึงจะเปิดทางมาถึงพวกเรา ถ้าเราประพฤติปฏิบัติของเรา ใจเราถึงธรรม เราจะเห็นตถาคต เห็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มันต้องเห็นอย่างนั้น เห็นตัวเอง เห็นความเป็นไปของเรา นี่ความเจริญของใจไม่มีใครเห็นไง

เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรม ถ้าคนเชื่อก็ได้ประโยชน์ คนไม่เชื่อก็ไม่ได้ประโยชน์ สาวกะสาวกก็ได้เหมือนกัน ถ้าใครได้ธรรมในหัวใจ นี่ชนะตนเองอันดับหนึ่ง อันดับหนึ่ง ธรรมนี่ให้ชนะตนเอง แต่เรื่องโลก ต้องเป็นอันดับหนึ่งของโลก ถึงจะเป็นผู้ที่ยอมรับอันดับหนึ่งของโลก นั้นเป็นเรื่องของโลกเขา เรื่องของโลกเขา แล้วอันดับหนึ่งนั้นรักษาไว้ขนาดไหน รักษาไว้ได้ปีหรือสองปี มันก็มีคนอื่นขึ้นมาแซงหน้า ขึ้นมาแซงหน้า มันต้องมีการแข่งขันกันตลอดไป มันไม่มีที่สิ้นสุด แล้วเราควบคุมไม่ได้ เราบังคับไม่ได้ สิ่งนั้นมันเป็นไปตามธรรมชาติของโลก

โลกนี้หมุนเวียนไปเป็นธรรมชาติ โลกนี้หมุนเวียนไปเป็นธรรมชาติของเขา เขาก็หมุนเวียนไปตามธรรมชาติของเขาอย่างนั้นอยู่แล้ว สรรพสิ่งนี้เป็นอนิจจัง แต่สิ่งที่ชนะแล้วไม่มีวันแพ้ไง สิ่งที่ชนะแล้วยั่งยืนตลอดไปไง สิ่งนี้ทำแกนของโลก ทำแกนของสิ่งที่ว่าควบคุมสิ่งต่างๆ ถ้าเราชนะใจของเราได้ เราต้องมีสิ่งใดล่ะ ถ้าเราไม่สนใจเลย เห็นไหม องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ สัตว์เชื่อไหม สัตว์ไม่เชื่อเลย เพราะไม่มีศรัทธาความเชื่อ

เราเป็นชาวพุทธ แล้วเรามีศรัทธามีความเชื่อ ถ้าเรามีศรัทธามีความเชื่อ หัวขบวน เห็นไหม อริยทรัพย์ ถ้าใครมีศรัทธา จะดึงร่างกายเรา ดึงหัวใจของเราเข้ามาประพฤติปฏิบัติ ทำทาน ฟังธรรม ฟังธรรมเป็นกาลเป็นเวลา การฟังธรรมนี้สำคัญอย่างยิ่ง สิ่งที่เราไม่เคยรู้มันก็ได้รู้ สิ่งที่เรารู้แล้วก็ตอกย้ำ ตอกย้ำความเชื่อใจของเรา

เรารู้ขึ้นมานะ เวลาครูบาอาจารย์เทศน์นี่เรารู้ไปหมด แต่เวลาครูบาอาจารย์หยุดเทศน์ เราก็ลังเลสงสัยไปหมดเหมือนกัน ความลังเลสงสัยของเรา ฟังธรรมเพื่อตอกย้ำสิ่งนี้ แล้วเราประพฤติปฏิบัติเข้าไป เวลาเราประพฤติปฏิบัติมีความสัมผัสของใจ ถ้าครูบาอาจารย์ชี้นำอย่างนี้มา ตรงกับใจของเรา เราจะมีเครื่องดำเนิน มีทางต่อไป ฟังธรรมเป็นความสำคัญอย่างยิ่งในการประพฤติปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา เห็นไหม เรามีทาน แล้วเรามีศีล แล้วเราฟังธรรม เราก็เกิดการภาวนา ถ้ามีศรัทธามันจะดึงกลับมาตรงนี้ ถ้าดึงกลับมาตรงนี้ นี่ค้นคว้าหาตัวเอง

ทรัพย์สมบัติเขาหากันนะ เพชรนิลจินดามันหาไว้ มันต้องสงวนรักษา แต่คุณงามความดีของใจ เราสร้างสมขนาดไหน มันจะแนบไปกับใจ ถึงว่ามันเป็นทิพย์สมบัติไง สิ่งที่เป็นทิพย์สมบัติ สิ่งที่เป็นสมบัติของเรา เราขนออกไปจากร่างกายของเราแล้ว เราสละทานออกไป นี่เป็นของเราทั้งหมดเลย แล้วอย่างนี้มันก็เป็นอามิส เห็นไหม เกิดขึ้น แล้วเราใช้ไป มันก็ต้องจางไป ต้องหมดไปโดยธรรมชาติของมัน

แต่ถ้าเราประพฤติปฏิบัติ ถ้าเราชำระกิเลสได้ เป็นอกุปปธรรม สิ่งที่เป็นอกุปปธรรม พ้นจาก สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา สภาวธรรมนี่เป็นอนัตตาทั้งหมดเลย แต่ความที่เป็นอนัตตา เรายังไม่มี เรายังไม่เป็นไป เรายังไม่เห็น ทั้งๆ ที่เขาแสดงตัวตลอดนะ โลกนี้แปรสภาพตลอดไป เราก็รู้กัน รู้ด้วยสัญญา รู้ด้วยความเปลือก เปลือกจากภายนอก รู้จากความคิดสามัญสำนึก มันไม่ชำระกิเลส

ถ้าเราทำใจของเราสงบเข้าไป แล้วเราไปเห็นสภาวะเป็นจริง เห็นสภาวะตามความเป็นจริงที่มันเป็นอนัตตา ที่เราเห็นสภาวะไตรลักษณ์เกิดขึ้นมา แล้วจิตมันปล่อยวาง อันนี้เป็นอกุปปธรรม มันพ้นออกไปจาก สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา สภาวะเป็นสมาธิ สภาวะเป็นธรรมต่างๆ

ความเกิดขึ้น ความสุขนี่มันแปรสภาพตลอด ไม่คงที่เลย สิ่งนี้ไม่คงที่ เวลาเรามีความสุข เวลาเราพอใจ อารมณ์เราดี เราจะมีความสุขมาก แต่ก็ชั่วคราวๆ ทุกอย่างเป็นของชั่วคราว เพราะมันเป็นอนิจจัง มันไม่คงที่ทั้งหมดเลย แต่เวลาชำระกิเลสขาดออกไป อกุปปธรรมนี่คงที่ สิ่งที่คงที่ผูกไปกับใจ ใจนี้จะไม่เกิดอีก จะเกิดอีกอย่างมาก ๗ ชาติเท่านั้น จะไม่เกิดในอบายอีกแล้ว สิ่งที่คงที่ นี่ชนะแบบนี้ไง

ถึงว่า ทางโลกเขาบอกว่า ถ้าทำบุญแล้วได้บุญกุศล บุญกุศลชาวพุทธเราทำกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้บุญมาก ได้บุญมาก มันต้องประสบความสำเร็จทางโลกสิ มันต้องแข่งขันกันได้สิ

เราจะเอาโลกมาเทียบเคียงไม่ได้หรอก สิ่งนั้นมันเป็นเรื่องกรรม เรื่องของสัตว์โลก เรื่องของโอกาส ถ้าต่อไปสิ ต่อไปนะ ถ้าทางเอเชียเราเจริญขึ้นมา ถ้าเรามีโอกาสขึ้นมา ถึงเวลาตรงนั้นนะ ชาวพุทธจะเป็นอันดับหนึ่งๆ

อันนั้นเป็นเรื่องการเปรียบเทียบของโลกนะ สิ่งที่เปรียบเทียบของโลก มันเป็นโอกาส มันเป็นเวลามันเคลื่อนไป อันนั้นมันเป็นส่วนหนึ่ง แต่สิ่งที่ความเป็นจริง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเน้นย้ำตรงนี้ไง เน้นย้ำตรงว่าใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๒,๕๐๐ กว่าปีมานี้ประเสริฐที่สุด เห็นไหม

การคบมิตรดี ต้องคบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะพาออกจากวัฏฏะ นี่คบมิตรดีไง เพราะใจอันนั้นประเสริฐ ชนะตนเองอันดับหนึ่ง แล้วอันนั้นประเสริฐที่สุด ไม่มีใครจะเท่ากับอันนั้นในศาสนาอื่น พระพุทธเจ้าเกิดองค์เดียวเท่านั้น องค์เดียวเท่านั้น ตั้งแต่นั้นมา ใจของผู้ที่ถึงธรรมก็เหมือนกัน แต่ไม่เท่ากับใจดวงนั้น

แต่ถ้าใจดวงไหนชนะกิเลสของตัวเอง อันนี้อันดับหนึ่ง อันดับหนึ่งของในศาสนาเรา อันดับหนึ่งคือชนะตนเอง ไม่ใช่ชนะโลก โลกเป็นแบบนั้น ไม่มีใครสามารถจะชนะได้ วัฏฏะเป็นแบบนี้ สิ่งที่เป็นอนิจจังมันเคลื่อนตัวมันเองตลอดไป ใครจะยับยั้งสิ่งนี้ไปไม่ได้เลย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารู้ทั้งโลกใน คือเรื่องของกรรม เรื่องของการกระทำ เรื่องของกิเลสที่ชำระสิ้นไปจากใจดวงนั้น รู้เรื่องของโลกภายนอก โลกภายนอกคือความหมุนเวียนไป พระพุทธเจ้าพยากรณ์ได้ถูกต้องหมดเลยว่าสิ้นศาสนาของสมณโคดมต่อไปแล้วจะมีพระศรีอริยเมตไตรยมาตรัสรู้ต่อไปข้างหน้า นี่วางไว้ พูดแล้วหนึ่งไม่มีสอง เพราะความเห็นสภาวะตามความเป็นจริงอย่างนั้น แต่โลกมันก็เคลื่อนไป องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหนึ่งในศาสนาของสมณโคดม พระศรีอริยเมตไตรยก็จะเป็นหนึ่งในศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรย มันก็เวียนไปแบบนั้น

แม้แต่ธรรมเกิดขึ้นมามันก็เป็นครั้งเป็นคราวในสภาวะของโลก แต่ถ้าใจที่ถึงที่สุด อกุปปธรรมนั้น จะศาสนาใด จะองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดก็แล้วแต่ ถ้าใจสิ้นกิเลสแล้วก็สิ้นกิเลสเหมือนกันหมด แล้วทรงตัวตลอดไป พ้นจาก สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา ธรรมที่แปรสภาพจากใจของสัตว์โลก สัตว์การเกิดขึ้นมานี้

นี่อาศัยศรัทธานะ ศรัทธาความเชื่อ เริ่มจากความทุกข์เรานี่ จากความทุกข์ความพอใจของเรา การประพฤติปฏิบัติมันก็มีความทุกข์พอสมควร ทุกข์มาก ทุกข์ของโลกเขามันเบียดเบียน มันบีบบี้สีไฟ แต่ทุกข์ของการประพฤติปฏิบัตินี่ทุกข์เพราะความเพียร ความเพียรที่จะฆ่ากิเลส กิเลสมันจะโดนทำลาย โดนเผาทำลายบ้านของมัน บ้านของมันจะโดนไฟเผา มันต้องต่อต้าน มันต้องทำลาย มันต้องพยายามขัดขวางการประพฤติปฏิบัติของเราทั้งหมด เวลาเราปฏิบัติที่มันทุกข์ ทุกข์ตรงนี้ไง ทุกข์เพราะกิเลสในหัวใจเรามันเบี่ยงเบน “พอแล้ว เราทำไม่ไหวแล้ว เราเป็นไปไม่ได้แล้ว” เห็นไหม แล้วเราก็ต้องฝืนไง เราฝืนเราเพื่อจะเอาชนะเรา

ถ้าเราเอาชนะเรา นี่ธรรมเกิดขึ้นในหัวใจ มันก็ก้าวเดินไปเป็น สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา สร้างสมขึ้นไป จนมันรวมตัวขึ้นไปเป็นสมุจเฉทปหาน กิเลสขาดออกไปจากใจ เป็นอกุปปธรรม โลกนี้ไม่มี ในวัฏฏะนี้ไม่มี ผู้ที่เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี เขาก็ไม่สามารถเอาเงินของเขาซื้อธรรมอันนี้เข้าไปในหัวใจของเขาได้ ธรรมอันนี้เราต้องสะสมขึ้นมานะ

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ขนสัตว์พวกนี้ไง พวกที่มีหัวใจที่มีศรัทธามีความเชื่อ แล้วมีการเปิดโอกาสให้กับตัวเองไง ถ้ามีใครเปิดโอกาสให้กับตัวเอง ธรรมจะไหลเข้าหัวใจดวงนั้น แล้วประพฤติปฏิบัติเปิดทางให้ธรรมไหลเข้าไปอีก จนธรรมนั้นทรงตัวได้เป็นธรรมจักร สิ่งที่เป็นธรรมจักรเคลื่อนไปในหัวใจ มันจะทำลายกิเลสในใจนั้น จนเป็นอกุปปะ เป็นชั้นๆ เข้าไป จนถึงที่สุด ธรรมนี้เป็นวิมุตติธรรมในใจดวงนั้น

เขาบอกว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่สำคัญมาก ศาสนาที่ทำบุญแล้วได้กุศลมาก ต้องอันดับหนึ่ง ต้องชนะโลกทั้งหมด

นั้นเรื่องของโลก เราอย่าไปสนใจ ถ้าเราชนะได้ คือชนะธรรมของเรา

ธรรมนะ ธรรมจักร สิ่งที่เป็นเรื่องของปัญญานี้ชำระกิเลส อันนี้สุดยอด อันนี้สำคัญที่สุด อันนี้จะทำลายกิเลสในหัวใจของเรา ในหัวใจของสัตว์โลก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางอันนี้ไว้ เราต้องค้นคว้าอันนี้ หาอันนี้ แล้วทำลายหัวใจของเรา ทำลายกิเลสของเรา ทำลายกิเลสในหัวใจของเรา แล้วหัวใจมันจะบริสุทธิ์ผุดผ่องนะ มันจะมีความสุขในหัวใจของเรา จะไม่มีสิ่งใดมาทำใจดวงนี้ให้มันเศร้าหมองไปในกระแสโลกได้อีกเลย เอวัง